tag:blogger.com,1999:blog-49372980662188905872024-02-19T23:58:44.312-08:00วิชาภาษาไทยอรhttp://www.blogger.com/profile/06534530919006953441noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-4937298066218890587.post-53007208560937757052010-02-18T03:11:00.000-08:002010-02-18T03:11:21.513-08:00โครงงานเรื่องคำพังเพยบทที่๑ <br />
<br />
<br />
บทนำ<br />
<br />
<br />
ที่มาและความสำคัญ<br />
<br />
<br />
เนื่องจากทางคณะผู้จัดทำได้แลเห็นว่าปัจจุบันนี้คนเรามักมอง ข้ามสุภาษิตคำพังเพยทั้งนี้ทางคณะผู้จัดทำจึงจัดทำสื่อเพื่อที่จะเผยแพร่สุภาษิตคำพังเพยและแสดงคำนิยมของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาลมนุษย์ได้นำสำนวนสุภาษิตคำพังเพยนำมาใช้ในการให้ข้อคิดและแนวปฏิบัติรวมทั้งคติเตือนประจำใจในด้านการอบรมสั่งสอนพร้อมทั้งเป็นการพูดให้เกิดความคิดสำนึกที่ดี<br />
<br />
<br />
<br />
วัตถุประสงค์<br />
<br />
<br />
๑.เพื่ออนุรักษ์สำนวนสุภาษิต คำพังเพย ที่เป็นไทยไว้<br />
<br />
<br />
๒.เพื่อเผยแพร่สำนวนสุภาษิต คำพังเพย แก่ผู้ที่สนใจ<br />
<br />
<br />
๓.เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสำนวนสุภาษิต คำพังเพย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า<br />
<br />
<br />
ศึกษาข้อมูลจาก หนังสือ จับกระแสโลก<br />
<br />
<br />
อินเตอร์เน็ต<br />
<br />
<br />
หนังสือ สำนวนสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
บทที่๒<br />
<br />
<br />
เอกสารที่เกี่ยวข้อง <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สำนวน คือ ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นโดยมีความหมายพิเศษ ไม่ตรงกับ<br />
<br />
<br />
ความหมายที่ใช้ตามปกติทั้งนี้อาจจะเป็นคำที่มีความหมายโดยนัย หรือ ความหมายในเชิงเปรียบเทียบเป็นลักษณะคำพูดที่รวมใจความยาวๆ ให้กะทัดรัดบางส่วนอาจหมายถึงสุภาษิตและคำพังเพยด้วย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สุภาษิต คือ คำพูดที่ถือเป็นคติ มีความลึกซึ้งใช้สั่งสอนถือเป็นการวางแนวและแสดงค่านิยมของมนุษย์มาแต่โบราณกาล เช่น สุภาษิตสอนหญิง สุภาษิตพระร่วง ก็มีข้อความสั่งสอนที่ค่านิยมของสมัยนั้นๆไว้อย่างชัดเจนตลอดจนพุทธสุภาษิตคำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
คำพังเพย คือ เป็นคำเปรียบเทียบเรื่องต่างๆ ที่ใช้ติชม ซึ่งสะท้อน ถึงความคิด ความเชื่อถือและค่านิยม อันเป็นลักษณะของคนไทย เช่น ค่านิยมในการยกย่องผู้อาวุโส เคารพครูบาอาจารย์และนิยมความสุภาพอ่อนโยน <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สำนวน สุภาษิต คำพังเพย <br />
<br />
<br />
ไม่กระดิกหู หมายถึง ไม่รู้หนังสืออ่านไม่ออกเขียนไม่ได้<br />
<br />
<br />
กงเกวียน กำเกวียน หมายถึง ทำกับเขาอย่างไร เขาก็ทำแก่ตนอย่างนั้น<br />
<br />
<br />
กระชังหน้าใหญ่ หมายถึง ใช้จ่ายไม่ยั้งมือ ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ<br />
<br />
<br />
กระต่ายตื่นตูม หมายถึง ตื่นตกใจง่ายโดยไม่สำรวจให้ท่องแท้<br />
<br />
<br />
กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึง ชายที่หมายปองหญิงที่มีฐานะสูงกว่า<br />
<br />
<br />
กระโถนท้องพระโรง หมายถึง ผู้ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ หรือรุมกันใช้<br />
<br />
<br />
กลมเป็นลูกมะนาว หมายถึง หลบหลีกได้คล่องจนจับไม่ทัน<br />
<br />
<br />
กลับหน้ามือเป็นหลังมือ หมายถึง เปลี่ยนแปลงหรือทำให้ผิดไปเป็นตรงกัน<br />
<br />
<br />
ข้าม<br />
<br />
<br />
กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ หมายถึง กว่าจะทำเรื่องหนึ่งสำเร็จ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ <br />
<br />
<br />
กว่าก็ล้มเหลว<br />
<br />
<br />
กำแพงมีหู ประตูมีช่อง หมายถึง (ตา) จะพูดหรือทำอะไรให้ระมัดระวังแม้จะเป็น <br />
<br />
<br />
ความลับก็อาจมีคนล่วงรู้ได้<br />
<br />
<br />
ขนทรายเข้าวัด หมายถึง หาประโยชน์ให้ส่วนรวม<br />
<br />
<br />
ขนมผสมน้ำยา หมายถึง พอดีกัน จะว่าข้างไหนดีกว่ากันไม่ได้<br />
<br />
<br />
ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า หมายถึง บังคับผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการ<br />
<br />
<br />
ขว้างงูไม่พ้นคอ หมายถึง ทำอะไรแล้วผลร้ายกลับสู่ตัว<br />
<br />
<br />
ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง หมายถึง สวยแต่รูปจิตใจไม่ดี<br />
<br />
<br />
ขายผ้าเอาหน้ารอด หมายถึง ยอมเสียสละข้าวของเพื่อรักษาชื่อเสียงของตนไว้<br />
<br />
<br />
ข้าวแดงแกงร้อน หมายถึง บุญคุณ<br />
<br />
<br />
ข้าวยากหมากแพง หมายถึง บ้านเมืองอดอยากขาดแคลน<br />
<br />
<br />
ข้าวเหลือเกลืออิ่ม หมายถึง บ้านเมืองบริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร<br />
<br />
<br />
ขี่ช้างจับตั๊กแตน หมายถึง ลงทุนมากแต่ได้ผลเพียงเล็กน้อย<br />
<br />
<br />
คดในข้องอในกระดูก หมายถึง มีสันดานคดโกง<br />
<br />
<br />
คนดีผีคุ้ม หมายถึง คนดีย่อมไม่มีภัย<br />
<br />
<br />
คนล้มห้ามข้าม หมายถึง อย่าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่ตกต่ำ<br />
<br />
<br />
คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ หมายถึง ควรระมัดระวังในการคบคน<br />
<br />
<br />
คว้าน้ำเหลว หมายถึง ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ<br />
<br />
<br />
ความรู้ท่วมเอาตัวไม่รอด หมายถึง มีความมากแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ นั้น<br />
<br />
<br />
คว่ำบาตร หมายถึง ไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย<br />
<br />
<br />
คางคกขึ้นวอ หมายถึง คนฐานะต่ำต้อยพอได้ดีมักลืมตัว<br />
<br />
<br />
คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล หมายถึง อกทะเลอย่าประมาทอาจมีอันตราย<br />
<br />
<br />
โคแก่ชอบกินหญ้าอ่อน หมายถึง ชายแก่ที่ชอบหญิงรุ่นสาว<br />
<br />
<br />
ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน หมายถึง ชักนำศัตรูเข้าบ้าน<br />
<br />
<br />
ชักใบให้เรือเสีย หมายถึง พูดหรือทำให้งานเขวออกนอกเรื่อง<br />
<br />
<br />
ชักหน้าไม่ถึงหลัง หมายถึง หากินไม่พอใช้จ่าย<br />
<br />
<br />
ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไม่มิด หมายถึง ความชั่วที่คนรู้กันทั่วไม่อาจปกปิดได้<br />
<br />
<br />
ชาติจะดีไม่ทาสีก็แดง หมายถึง คนดีอย่างไรก็ดีเสมอ<br />
<br />
<br />
ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร หมายถึง ผู้ชายอยู่ที่ไหนก็งอกที่นั่น แต่ผู้หญิง <br />
<br />
<br />
มีแต่จะเสียหาย<br />
<br />
<br />
ชี้นกเป็นนก ชี้ไม่เป็นไม้ หมายถึง ทำอะไรก็เป็นคล้อยตามไปหมด<br />
<br />
<br />
ชี้โพลงให้กระรอก หมายถึง ชี้ช่องทางให้ผู้อื่นโดยไม่คิดถึงผลเสีย หาย<br />
<br />
<br />
เชื้อไม่ทิ้งแถว หมายถึง เป็นไปตามเผ่าพันธุ์<br />
<br />
<br />
เด็กเลี้ยงแกะ หมายถึง คนชอบพูดโกหก<br />
<br />
<br />
เด็กอมมือ หมายถึง ผู้ไม่รู้ประสีประสา<br />
<br />
<br />
เด็ดดอกไม่ไว้ขั้ว หมายถึง ตัดขาด<br />
<br />
<br />
ได้แกงเทน้าพริก หมายถึง ได้สิ่งใหม่ลืมสิ่งเก่า<br />
<br />
<br />
ตกน้ำไม่ว่าย หมายถึง ไม่ช่วยตนเอง<br />
<br />
<br />
ตกถังข้าวสาร หมายถึง ชายที่ได้แต่งงานกับหญิงที่มีฐานะดีกว่า<br />
<br />
<br />
ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน หมายถึง ชักนำศัตรูเข้าบ้าน<br />
<br />
<br />
ชักใบให้เรือเสีย หมายถึง พูดหรือทำงานเขวออกนอกเรื่อง<br />
<br />
<br />
ชักไม่ถึงหลัง หมายถึง หากินไม่พอใช้<br />
<br />
<br />
ชาติจะดีไม่ทาสีก็แดง หมายถึง คนดีอย่างไรก็ดีเสมอ<br />
<br />
<br />
ชิงสุกก่อนห่าม หมายถึง ด่วนทำสิ่งที่ไม่สมควรแก่วัย<br />
<br />
<br />
ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ หมายถึง ทำอะไรก็เห็นคล้อยตามไปหมด<br />
<br />
<br />
ชี้โพรงให้กระรอก หมายถึง ชี้ช่องทางให้คนอื่นโดยไม่คิดถึงความเสียหาย <br />
<br />
<br />
เชื้อไม่ทิ้งแถว หมายถึง เป็นไปตามเผ่าพันธุ์<br />
<br />
<br />
ตาบอดได้แว่น หมายถึง ได้สิ่งที่ตนไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์<br />
<br />
<br />
ตามใจปากมากหนี้ หมายถึง เห็นแก่กินมักหมดเปลือก<br />
<br />
<br />
ตามใจปากลำบากท้อง หมายถึง เห็นแก่กินมักเดือดร้อน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
บทที่ ๓<br />
<br />
<br />
วิธีการดำเนินงาน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ขั้นตอนการดำเนินงาน<br />
<br />
<br />
๑. ผู้ศึกษานำเสนอหัวข้อโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำและกำหนดขอบเขตในการทำโครงงาน <br />
<br />
<br />
๒. ผู้ศึกษาร่วมกันประชุมวางแผนวิเคราะห์ตามหัวข้อวัตถุประสงค์ของโครงงาน<br />
<br />
<br />
๓. ผู้ศึกษาร่วมกันกำหนดบทประพันธ์วรรณคดีหนังสือต่างๆ ดังนี้ หนังสือฉบับปรับปรุงใหม่ หนังสือสำนวนสุภาษิต หนังสือคำคมสุภาษิตสอนหญิงชาย<br />
<br />
<br />
๔. ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนของการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงงานเพื่อมาวิเคราะห์และสรุปเนื้อหาที่สำคัญที่จะนำมาจัดทำโครงงาน<br />
<br />
<br />
๕. นำเสนอผลงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรายงานผลการดำเนินงาน<br />
<br />
<br />
๖. จัดทำคู่มือเพื่อใช้สำหรับศึกษาและรายงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษา <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา<br />
<br />
<br />
๑. หนังสือสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
๒. หนังสือจับกระแสโลก<br />
<br />
<br />
๓. ปากกา ยางลบ ดินสอไม้บรรทัด<br />
<br />
<br />
๔. อินเตอร์เน็ต<br />
<br />
<br />
๕. กระดาษ<br />
<br />
<br />
๖. ยางลบ<br />
<br />
<br />
๗. ดินสอ<br />
<br />
<br />
๘. ไม้บรรทัด<br />
<br />
<br />
๙. กาว<br />
<br />
<br />
๑๐. ฟิวเจอร์บอร์ด<br />
<br />
<br />
๑๑. แลคซีน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
บทที่ ๔<br />
<br />
<br />
ผลการศึกษาค้นคว้า<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ผลการศึกษาค้นคว้า<br />
<br />
<br />
สำนวน คือ ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นโดยมีความหมายพิเศษ ไม่ตรงกับความหมายที่ใช้ตามปกติทั้งนี้อาจจะเป็นคำที่มีความหมายโดยนัย หรือ ความหมายในเชิงเปรียบเทียบเป็นลักษณะคำพูดที่รวมใจความยาวๆ ให้กะทัดรัดบางส่วนอาจหมายถึงสุภาษิตและคำพังเพยด้วย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สุภาษิต คือ คำพูดที่ถือเป็นคติ มีความลึกซึ้งใช้สั่งสอนถือเป็นการวางแนวและแสดงค่านิยมของมนุษย์มาแต่โบราณกาล เช่น สุภาษิตสอนหญิง สุภาษิตพระร่วง ก็มีข้อความสั่งสอนที่ค่านิยมของสมัยนั้นๆไว้อย่างชัดเจนตลอดจนพุทธสุภาษิตคำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
คำพังเพย คือ เป็นคำเปรียบเทียบเรื่องต่างๆ เนื้อใช้ติชม ซึ้งสะท้อน ถึงความคิด ความเชื่อถือและค่านิยม อันเป็นลักษณะของคนไทย เช่น ค่านิยมในการยกย่องผู้อาวุโส เคารพครูบาอาจารย์และนิยมความสุภาพอ่อนโยน <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
สำนวน สุภาษิต คำพังเพย <br />
<br />
<br />
ไม่กระดิกหู หมายถึง ไม่รู้หนังสืออ่านไม่ออกเขียนไม่ได้<br />
<br />
<br />
กงเกวียน กำเกวียน หมายถึง ทำกับเขาอย่างไร เขาก็ทำแก่ตนอย่างนั้น<br />
<br />
<br />
กระชังหน้าใหญ่ หมายถึง ใช้จ่ายไม่ยั้งมือ ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ<br />
<br />
<br />
กระต่ายตื่นตูม หมายถึง ตื่นตกใจง่ายโดยไม่สำรวจให้ท่องแท้<br />
<br />
<br />
กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึง ชายที่หมายปองหญิงที่มีฐานะสูงกว่า<br />
<br />
<br />
กระโถนท้องพระโรง หมายถึง ผู้ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ หรือรุมกันใช้<br />
<br />
<br />
กลมเป็นลูกมะนาว หมายถึง หลบหลีกได้คล่องจนจับไม่ทัน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
กลับหน้ามือเป็นหลังมือ หมายถึง เปลี่ยนแปลงหรือทำให้ผิดไปเป็นตรงกัน<br />
<br />
<br />
ข้าม<br />
<br />
<br />
กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ หมายถึง กว่าจะทำเรื่องหนึ่งสำเร็จ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ <br />
<br />
<br />
กว่าก็ล้มเหลว<br />
<br />
<br />
กำแพงมีหู ประตูมีช่อง หมายถึง (ตา) จะพูดหรือทำอะไรให้ระมัดระวังแม้จะเป็น <br />
<br />
<br />
ความลับก็อาจมีคนล่วงรู้ได้<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
บทที่ ๕<br />
<br />
<br />
สรุปผลอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ<br />
<br />
<br />
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า<br />
<br />
<br />
จากการที่คณะผู้จัดทำได้มีความสนใจศึกษาสำนวนสุภาษิตคำพังเพยตามวัตถุประสงค์คือเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ สำนวน สุภาษิต คำพังเพย โดยแบ่งตามลำดับอักษรพยัญชนะไทยเนื้อจากสำนวนสุภาษิตคำพังเพยจากบทประพันธ์ วรรณคดี หนังสือต่างๆ ได้แก่ หนังสือสำนวน สุภาษิต คำพังเพย หนังสือคำคมสุภาษิตสอนหญิงชาย ซึ่งพบว่า สำนวน สุภาษิต คำพังเพย มีจำนวนมากซึ่งถ่ายทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณที่ใช้สั่งสอนอบรมบุตรหลานให้มีคุณธรรมซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการนำ สำนวน สุภาษิต คำพังเพย มาใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งเราได้ยินอยู่บ้างในปัจจุบันเพื่อให้ประชาชนประพฤติปฏิบัติมีคุณธรรมและสามารถอยู่รวมกันได้ในสังคมอย่างสงบสุข <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
อภิปรายผล<br />
<br />
<br />
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง การศึกสำนวนสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
สำนวนหมายถึง คำที่พูดคือเป็นคติ มีความลึกซึ้ง ใช้สอน คือการวางแนวและแสดงคำนิยมของสมัยโบราณ เช่น คำว่าน้ำพึ่งเรือเสือ เสือพึ่งป่า <br />
<br />
<br />
สุภาษิตหมายถึง เป็นคำเปรียบเทียบเรื่องต่างๆ เพื่อใช้ติชมสะท้อนถึงความคิดความเชื้อถือ และค่านิยม อันเป็นลักษณะของคนไทย เช่นคำว่าบ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน<br />
<br />
<br />
คำพังเพยหมายถึง ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นโดยมีความหมายพิเศษ ไม่ตรงกับความหมายตามปกติทั้งนี้อาจจะเป็นคำที่มีความหมายโดยนัย หรือความหมายในเชิงเปรียบเทียบ เช่นคำว่า กินบนเรือนขี้รถบนหลังคา <br />
<br />
<br />
ประโยชน์ที่ได้รับ <br />
<br />
<br />
๑. เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม<br />
<br />
<br />
๒. มีความรู้เกี่ยวกับสำนวนสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
๓. มีความเข้าใจเกี่ยวกับการนำสำนวนสุภาษิตคำพังเพยมาใช้<br />
<br />
<br />
๔. ได้ฝึกทักษะในการวาดภาพประกอบสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ข้อเสนอแนะ <br />
<br />
<br />
จากการศึกษาสำนวนสุภาษิตคำพังเพยผู้ศึกษามีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงงานคือ<br />
<br />
<br />
๑. เนื่องจากเนื้อหาของสำนวนสุภาษิตคำพังเพยอาจมีจำนวนมากในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาอาจหรือยกเนื้อหาของสำนวนสุภาษิตคำพังเพย<br />
<br />
<br />
๒. ควรมีการจัดทำเป็นหนังสืออินเล็กทรอนิเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในโอกาสต่อไป<br />
<br />
<br />
๓. นำผลจากการศึกษาสำนวนสุภาษิตคำพังเพยไปสร้างเป็นสื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น นิทาน เรื่องสั้น บทละคร เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมกับผู้รับสารอรhttp://www.blogger.com/profile/06534530919006953441noreply@blogger.com7tag:blogger.com,1999:blog-4937298066218890587.post-66938641643825297012010-02-18T03:06:00.000-08:002010-02-18T03:06:23.709-08:00แผนการสอนวิชาภาษาไทย ป.4แผนการจัดการเรียนรู้<br />
<br />
กลุ่มสาระภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ 5<br />
<br />
กลุ่มสาระเรื่อง การอ่าน เรื่องย่อย ขนมไทยไร้เทียมทาน เวลา 2 ชั่วโมง<br />
<br />
1. สาระการเรียนรู้<br />
<br />
- การอ่านจับใจความโดยการตั้งและตอบคำถาม <br />
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง / เนื้อหา<br />
<br />
- สามารถบอกหลักการอ่านจับใจความโดยการตั้งและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่านได้<br />
<br />
- สามารถตั้งและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่านได้<br />
<br />
- นำคำตอบมาเรียบเรียงด้วยสำนวนภาษาของตนเองได้<br />
<br />
3. กระบวนการจัดการเรียนรู้<br />
<br />
ขั้นนำ ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- นักเรียนอ่านชื่อเรื่อง ขนมไทยไร้เทียมทาน และภาพประกอบแล้วสนทนาถึงความหมาย<br />
<br />
ของชื่อเรื่องและความสัมพันธ์ สอดคล้องของภาพกับเรื่องถามประสบการณ์ในการทำขนม<br />
<br />
ของนักเรียน<br />
<br />
ขั้นจัดกิจกรรม ( เวลา 50 นาที )<br />
<br />
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 6 คน เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม<br />
<br />
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความ โดยการตั้งและตอบคำ<br />
<br />
ถามแล้วแลกเปลี่ยนความรู้ภายในกลุ่ม สรุปเป็นองค์ความรู้หากไม่เข้าใจให้ถามครู<br />
<br />
3. นักเรียนอ่านในใจเรื่องขนมไทยไร้เทียมทาน ภายในเวลา 15 นาที<br />
<br />
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมในใบกิจกรรมดังนี้<br />
<br />
- ตั้งคำถามโดยใช้คำว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม อย่างไร เป็นตน<br />
<br />
- นำคำตอบมาเรียบเรียงเป็นประโยคที่สอดคล้องกันด้วยสำนวนของนักเรียนเอง<br />
<br />
- ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มออกมารายงานหน้าชั้นเรียน โดยมีครูเป็นผู้ชี้<br />
<br />
ขั้นสรุป ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ตัวแทนนักเรียนออกมาสรุปบทเรียนเรื่อง ขนมไทยไร้เทียมทาน ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง<br />
<br />
ให้เพื่อนฟัง<br />
<br />
4. เครื่องมือวัดผลประเมินผล<br />
<br />
- แบบฝึกหัดหลังเรียน - แบบบันทึกอภิปรายกลุ่ม<br />
<br />
5. กระบวนการวัดและประเมินผล<br />
<br />
- สังเกตการตอบคำถาม - การรายงานหน้าชั้น - การทำงานกลุ่ม<br />
<br />
<br />
6. แหล่งการเรียนรู้<br />
<br />
- เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
7. สื่อการสอน<br />
<br />
- ใบความรู้ - ใบกิจกรรม - เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
<br />
8.บันทึกผลหลังการสอน <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
แผนการจัดการเรียนรู้<br />
กลุ่มสาระภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ 5<br />
<br />
กลุ่มสาระเรื่อง การเขียนย่อความ เรื่อง ขนมไทยไร้เทียมทาน เวลา 2 ชั่วโมง<br />
<br />
1. สาระการเรียนรู้<br />
<br />
- การเขียนย่อความ<br />
<br />
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง / เนื้อหา<br />
<br />
2.1 สามารถบอกลักษณะวิธีการเขียนย่อความได้<br />
<br />
2.2 สามารถเขียนย่อความจากเรื่องที่อ่านได้<br />
<br />
3. กระบวนการจัดการเรียนรู้<br />
<br />
ขั้นนำ ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ครูนำนักเรียนสนทนาถึงงานเขียนที่มีขนาดยาว เช่น เรื่องขนมไทยไร้เทียมทานว่าจะมีวิธีใด<br />
<br />
ที่จะทำให้สนใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วและมีแต่ใจความสำคัญเท่านั้น<br />
<br />
ขั้นจัดกิจกรรม ( เวลา 50 นาที )<br />
<br />
1. ครูให้ความรู้ในเรื่องการเขียนย่อความ โดยใช้แผนภูมิตามหัวข้อดังนี้<br />
<br />
- ลักษณะการย่อความ<br />
<br />
- รูปแบบการย่อความ<br />
<br />
- วิธีการเขียนย่อความ<br />
<br />
2. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 6 คน โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาการย่อความ<br />
<br />
แล้วอภิปรายกันภายในกลุ่ม<br />
<br />
3. ให้ประธานกลุ่มรับใบกิจกรรมจากครู เขียนย่อความ เรื่องขนมไทยไร้เทียมทาน<br />
<br />
<br />
ตามรูปแบบโดยศึกษาข้อมูลจากการตอบคำถามและแผนภาพความคิดของเรื่อง<br />
<br />
4. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะ<br />
<br />
ขั้นสรุป ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
5. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมาสรุปบทเรียนเรื่อง การเขียนย่อความจากเรื่องขนมไทยไร้เทียมทาน<br />
<br />
<br />
6. เครื่องมือวัดผลประเมินผล<br />
<br />
- แบบฝึกหัดหลังเรียน<br />
<br />
7. กระบวนการวัดและประเมินผล<br />
<br />
- สังเกตการตอบคำถาม - การรายงานหน้าชั้นเรียน - การทำงานกลุ่ม<br />
<br />
8. แหล่งการเรียนรู้<br />
<br />
- เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
9. สื่อการสอน<br />
<br />
- แผนภูมิ - ตัวอย่างการเขียนย่อความ - ใบกิจกรรม<br />
<br />
10. บันทึกผลหลังการสอน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
แผนการจัดการเรียนรู้ <br />
กลุ่มสาระภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ 6<br />
<br />
กลุ่มสาระเรื่อง การอ่าน เรื่องย่อย ขนมไทยไร้เทียมทาน เวลา 2 ชั่วโมง<br />
<br />
1. สาระการเรียนรู้<br />
<br />
- มารยาทและนิสัยรักการอ่าน<br />
<br />
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง / เนื้อหา<br />
<br />
- สามารถบอกมารยาทในการอ่านได้<br />
<br />
- สามารถบอกวิธีการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านได้<br />
<br />
- สามารถอ่านหนังสืออย่างมีมารยาทและนิสัยรักการอ่านได้<br />
<br />
3. กระบวนการจัดการเรียนรู้<br />
<br />
ขั้นนำ ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ครูนำหนังสือในห้องสมุดที่ใหม่ สมบูรณ์ และหนังสือที่มีรอยฉีกขาดให้นักเรียนดู และซักถามว่า<br />
<br />
รู้สึกอย่างไรกับหนังสือสองเล่มนี้ และจะทำอย่างไรให้มีหนังสืออ่านได้นาน ๆ รวมถึงทำอย่างไร<br />
<br />
ที่จะอ่านหนังสือได้ทุกวันจนติดเป็นนิสัย <br />
ขั้นจัดกิจกรรม ( เวลา 50 นาที )<br />
<br />
1. ครูแจกใบความรู้เรื่องมารยาทและวิธีการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน แล้วให้นักเรียนแต่ละคนศึกษา<br />
<br />
2. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 – 6 คน โดยให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ<br />
<br />
เรื่องมารยาทและวิธีการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านพร้อมทั้งบันทึกลงในอภิปรายกลุ่ม<br />
<br />
3. ครูสุ่มนักเรียนออกมารายงานเรื่อง มารยาทและนิสัยรักการอ่าน โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะ<br />
<br />
ขั้นสรุป ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ตัวแทนนักเรียนออกมาสรุปบทเรียนเรื่อง ขนมไทยไร้เทียมทาน มารยาทและนิสัยรักการอ่าน<br />
<br />
4. เครื่องมือวัดผลประเมินผล<br />
<br />
- แบบฝึกหัดหลังเรียน - แบบบันทึกอภิปรายกลุ่ม<br />
<br />
5. กระบวนการวัดและประเมินผล<br />
<br />
- สังเกตการตอบคำถาม - การรายงานหน้าชั้น - การทำงานกลุ่ม<br />
<br />
<br />
6. แหล่งการเรียนรู้<br />
<br />
- เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
7. สื่อการสอน<br />
<br />
- ใบความรู้ - ใบกิจกรรม - เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
8. บันทึกผลหลังการสอน <br />
<br />
<br />
<br />
แผนการจัดการเรียนรู้ <br />
กลุ่มสาระภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ 6<br />
<br />
กลุ่มสาระเรื่อง การฟัง การดู การพูด เรื่องย่อย ขนมไทยไร้เทียมทาน เวลา 2 ชั่วโมง<br />
<br />
1. สาระการเรียนรู้<br />
<br />
- การพูดเล่าเรื่อง<br />
<br />
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง / เนื้อหา<br />
<br />
- สามารถบอกความหมายและหลักการพูดเล่าเรื่องได้<br />
<br />
- สามารถพูดเล่าเรื่องตามลำดับเหตุการณ์หรือขั้นตอนได้<br />
<br />
- มีมารยาทในการพูด<br />
<br />
3. กระบวนการจัดการเรียนรู้<br />
<br />
ขั้นนำ ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ครูนำภาพหรือของจริง ขนมกล้วยนึ่ง มาให้นักเรียนดู สังเกตลักษณะสี<br />
<br />
กลิ่น แล้วสนทนาซักถาม<br />
<br />
ขั้นจัดกิจกรรม ( เวลา 50 นาที )<br />
<br />
1. ครูสาธิตการพูดเล่าเรื่อง การทำขนมกล้วยนึ่งให้นักเรียนฟังตามขั้นตอน<br />
<br />
2. นักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าการพูดเล่าเรื่องของครูมีหลักในการพูด<br />
<br />
อย่างไรบ้าง นำไปเขียนบนกระดานดำ<br />
<br />
3. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่องความหมาย หลักการพูดเล่าเรื่อง<br />
<br />
4. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 – 6 คน โดยให้นักเรียนฟังคำสั่งจากครู ครูให้<br />
<br />
ความรู้เรื่อง<br />
<br />
- มารยาทในการพูด โดยใช้แผนภูมิ ดังนี้<br />
<br />
- พูดแนะนำตัวเองก่อนพูด<br />
<br />
- พูดให้ชัดเจน ให้ได้ยินทั่วถึงทุกคน<br />
<br />
- ตามมองดูผู้ฟัง กวาดสายตาดูผู้ฟังให้ทั่วห้อง<br />
<br />
- ใช้น้ำให้สอดคล้องกับเรื่องเล่า<br />
<br />
- ใช้ถ้อยคำสุภาพ นุ่มนวล น่าฟัง<br />
<br />
- พูดตามลำดับขั้นตอน ก่อน – หลัง<br />
<br />
5. นักเรียนในกลุ่มส่งตัวแทนออกมาพูดตามลำดับ โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะ<br />
<br />
ขั้นสรุป ( เวลา 10 นาที )<br />
<br />
- ตัวแทนนักเรียนออกมาสรุปบทเรียน การฟัง การดู การพูด จากเรื่องที่เรียน<br />
<br />
<br />
4. เครื่องมือวัดผลประเมินผล<br />
<br />
- สังเกตการตอบคำถาม<br />
<br />
- แบบฝึกหัดหลังเรียน <br />
<br />
<br />
5. กระบวนการวัดและประเมินผล<br />
<br />
- สังเกตการตอบคำถาม - การรายงานหน้าชั้นเรียน<br />
<br />
6. แหล่งการเรียนรู้<br />
<br />
- เอกสารประกอบการเรียน<br />
<br />
7. สื่อการสอน<br />
<br />
- ภาพหรือของจริงกล้วยนึ่ง - ใบความรู้ - แผนภูมิ<br />
<br />
8. บันทึกผลหลังการสอนอรhttp://www.blogger.com/profile/06534530919006953441noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4937298066218890587.post-80820154418379282852010-02-05T22:37:00.001-08:002010-02-05T22:37:34.034-08:00สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคนอรhttp://www.blogger.com/profile/06534530919006953441noreply@blogger.com0